โอคลีย์ คันโนเนียร์ คงไม่ใช่นักเตะที่ใครหลายคนรู้จักมากนัก แต่ถ้าเราบอกว่าเขาคือคนเดียวกับเด็กเก็บบอลในตำนานที่ส่งบอลให้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดเตะมุมให้ ดิวอค โอริกี ยิงประตูชัยช่วยให้ต้นสังกัดเอาชนะ บาร์เซโลน่า 4-0 พลิกนรกจากที่สกอร์ตามหลัง 0-3 ก่อนคว้าแชมป์ยุโรปเมื่อปี 2019 … คุณคงพอคุ้นชื่อเขามาบ้าง
สามปีผ่านไปจากวันดังกล่าว เด็กเก็บบอลที่เคยนั่งอยู่หลังประตูในสนามแอนฟิลด์กลายมาเป็นกองหน้าที่ร้อนแรงที่สุดในรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี หลังซัดไปแล้ว 21 ประตู จากการลงสนามเพียง 19 นัด และเคยถูกเรียกตัวไปซ้อมกับทีมชุดใหญ่มาแล้ว
ขอพาทุกท่านไปชมเรื่องราวของ โอคลีย์ คันโนเนียร์ ทั้งในฐานะเด็กเก็บบอลผู้โด่งดัง และนักฟุตบอลผู้ทุ่มเททุกอย่างเพื่อประสบความสำเร็จกับสโมสรที่เขารัก จนสามารถคว้าสัญญานักเตะอาชีพมาครองได้สำเร็จ
เด็กเก็บบอลในตำนาน
ย้อนกลับไปยังวันที่ 7 พฤษภาคม 2019 พลพรรคแข้งหงส์แดงเดินลงสู่สนามแอนฟิลด์เพื่อปฏิบัติภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ในการผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2018-19 หลัง ลิเวอร์พูล พ่ายแพ้ให้แก่ บาร์เซโลน่า ในการแข่งขันรอบรองชนะเลิศนัดแรกที่สนามคัมป์ นู ด้วยสกอร์ 3-0
หากไม่หมดหวังเท่ากับยังไม่ยอมแพ้ นักเตะลิเวอร์พูลสร้างผลงานอันน่าเหลือเชื่อในค่ำคืนนั้น พวกเขาได้ประตูขึ้นนำผู้มาเยือนตั้งแต่นาทีที่ 7 จาก ดิวอค โอริกี ตามด้วยการยิงสองประตูรวดในสามนาทีของ จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม
ส่งผลให้ทัพหงส์แดงขึ้นนำบาร์เซโลน่า 3-0 ในเกมดังกล่าว และตีเสมอ 3-3 ในผลสกอร์รวมสองนัด ทำให้โอกาสเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของทั้งสองทีมกลับมาเท่ากันอีกครั้ง
ความระทึกใจที่เกิดขึ้นตรงหน้าส่งผลให้แฟนบอล 52,212 รายในสนามแอนฟิลด์ถึงกับนั่งไม่ติด เช่นเดียวกับเด็กเก็บบอลคนหนึ่งที่ชื่อว่า โอคลีย์ คันโนเนียร์ ซึ่งคงไม่ใช่นักฟุตบอลที่ใครรู้จักมากนัก แต่ถ้าเราจะบอกว่าเขาคือคนเดียวกับเด็กเก็บบอลในตำนานที่ส่งบอลให้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เปิดเตะมุมให้ ดิวอค โอริกี ยิงประตูชัยช่วยให้ต้นสังกัดเอาชนะ บาร์เซโลน่า 4-0 พลิกนรกจากที่สกอร์ตามหลัง 0-3 มาก่อนคว้าแชมป์ยุโรปเมื่อปี 2019 … คุณคงพอคุ้นชื่อเขาขึ้นมาบ้าง
นักเตะเยาวชนของลิเวอร์พูลรายนี้ได้โอกาสดูเกมนี้แบบชิดติดขอบสนาม เนื่องจากวันดังกล่าวเป็นวันเกิดครบรอบ 15 ปีของเขา
โดยที่ไม่รู้เลยว่าเขากำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ จนกลายเป็นตำนานของสโมสรเพียงชั่วข้ามคืน
“ผมเลือกจะนั่งตรงนั้น (บริเวณหลังประตู) เพราะมันใกล้ชิดบรรยากาศของเกมได้มากกว่า ผมเคยเป็นเด็กเก็บบอลมาแล้วหลายเกมก่อนหน้านั้น อย่างเกมที่เราเจอกับดอร์ทมุนด์และ (เดยัน) ลอฟเรนทำประตูได้ แล้วเขาก็มาดีใจตรงหน้าผมเลย” คันโนเนียร์ ย้อนเล่าถึงเรื่องราวในค่ำคืนดังกล่าว
“ก่อนจะลงสนามเกมนั้นลิเวอร์พูลตามหลังอยู่มาก ผู้ช่วยผู้จัดการทีมชุดใหญ่เลยมาบอกโค้ชของเราว่า เด็กเก็บบอลต้องส่งบอลลงสนามให้เร็วที่สุดเพื่อรักษาความเข้มข้นของรูปเกมเอาไว้ ความจริงที่เราตามหลังอยู่ 0-3 คอยย้ำเตือนว่าทุกอย่างต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการส่งบอลกลับลงไปยังสนาม”
การแข่งขันดำเนินไปจนถึงนาที 79 ลิเวอร์พูลได้ลูกเตะมุมบริเวณกราบขวาของสนาม นักเตะทั้งสองทีมต่างเหนื่อยล้าจึงค่อย ๆ เดินไปประจำตำแหน่งของตัวเองอย่างช้า ๆ แต่สำหรับ คันโนเนียร์ เขายังคงตื่นตัวและจดจำคำสั่งของโค้ชได้ตลอดเวลา เด็กเก็บบอลรายนี้รีบส่งบอลให้กับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทันทีที่แบ็กขวาหมายเลข 66 ประจำที่ในจุดเตะมุม
เรื่องราวหลังจากนั้นคือประวัติศาสตร์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ฉวยโอกาสเปิดเตะมุมเข้าไปในกรอบเขตโทษอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ ดิวอค โอริกี จะชาร์จเข้าไปเป็นประตู ทำให้ลิเวอร์พูลพลิกกลับมาคว้าชัยชนะด้วยสกอร์รวม 4-3 พร้อมกับตีตั๋วเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ก่อนคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สมัยที่ 6 ของสโมสรได้ในเวลาต่อมา
นี่คือเกมที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในการคัมแบ็กที่ดีที่สุดตลอดกาลของลิเวอร์พูล นักเตะทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในค่ำคืนนั้นถูกยกย่องให้เป็นฮีโร่ เช่นเดียวกับ คันโนเนียร์ เด็กเก็บบอลสมองไวที่กลายเป็นตำนานสโมสรและคนดังในโลกออนไลน์ไปเสียแล้ว
“ผมไปโรงเรียนในวันถัดมา แล้วแฟนลิเวอร์พูลทุกคนที่นั่นต่างเข้ามาหาผมเพื่อบอกว่า ‘นายทำให้เราชนะเกมนี้’ ผมต้องเดินหนีไปอีกห้องเลยนะ เพราะมีคนเข้ามาหาผมเยอะมากจริง ๆ” คันโนเนียร์ เล่าถึงเสียงตอบรับอันน่าเหลือเชื่อหลังจากค่ำคืนนั้น
“มันค่อนข้างจะเป็นเรื่องที่บ้าคลั่ง เพราะผู้คนในโซเชียลมีเดียต่างพากันเรียกผมว่า ตำนานของลิเวอร์พูล แต่ถ้าคุณมองไปยังสิ่งที่เทรนต์ทำกับทีมชุดใหญ่ผมก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของชัยชนะในค่ำคืนนั้น”
“ผมก็ชอบที่จะทำมันนะ เพียงแค่ผมไม่ต้องการจะอยู่ในฐานะตำนานเด็กเก็บบอล คุณเข้าใจใช่ไหม”
ความฝันและตัวตนในฐานะนักฟุตบอล
ชื่อเสียงในฐานะเด็กเก็บบอลระดับตำนานของ คันโนเนียร์ ส่งผลให้ใครหลายคนหลงลืมที่จะรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาในฐานะนักฟุตบอลระดับเยาวชนของสโมสรลิเวอร์พูล
โดยดาวรุ่งรายนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทัพหงส์แดงตั้งแต่อายุ 11 ปี เพื่อมาเป็นส่วนหนึ่งของทีมรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี และมีเป้าหมายเดียวเท่านั้นบนเส้นทางฟุตบอลคือก้าวไปเป็นตำนานในฐานะนักฟุตบอลของลิเวอร์พูล
“ผมภูมิใจกับค่ำคืนนั้นนะ มันเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่ แต่ผมต้องการจะเป็นนักฟุตบอลไม่ใช่แค่เด็กเก็บบอล” คันโนเนียร์ เปิดใจถึงความฝันที่แท้จริงของตัวเอง
“ผมอยากเป็นที่รู้จักในฐานะตำนานด้วยรูปแบบที่แตกต่างออกไป ไม่ใช่แค่ในฐานะเด็กเก็บบอล คือผมหมายความว่ามันก็โอเคนะถ้าผู้คนจะจดจำผมแบบนั้น แต่ผมอยากจะประสบความสำเร็จแบบเทรนต์และเป็นในสิ่งเดียวกับที่เขาเป็น”
คันโนเนียร์ จริงจังกับความฝันของตนเองเป็นอย่างมาก เขาโบกมือลาสโมสรดังประจำบ้านเกิด ลีดส์ ยูไนเต็ด เพื่อมาเป็นส่วนหนึ่งของทัพหงส์แดง โดยปฏิเสธโอกาสเข้าร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งสนใจในตัวเขาเช่นเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าตัวยังต้องจากครอบครัวที่ยังคงอาศัยในแคว้นยอร์กเชียร์เพื่อมาเดินหน้าตามฝันเพียงลำพังในเมืองลิเวอร์พูล
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้คันโนเนียร์ไม่เคยหลงระเริงไปกับชื่อเสียงที่เขาเคยได้รับในโลกออนไลน์ เขายังคงตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนฝีเท้าของตัวเองเพื่อก้าวมาเป็นดาวเด่นในทีมลิเวอร์พูลชุดเยาวชน จนฟอร์มของเขาไปเข้าตา มาร์ค บริดจ์-วิลกินสัน ผู้จัดการทีมชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปีของลิเวอร์พูล ที่เล็งเห็นทักษะการจบสกอร์อันยอดเยี่ยมของดาวรุ่งรายนี้
“เมื่อก่อนหน้าที่หลักของผมคือแอสซิสต์ให้กับเพื่อน เป็นนักเตะหมายเลข 10 ในสนามที่ถอยลงมารับบอลต่ำอะไรทำนองนั้น แต่การเปลี่ยนมาเล่นตำแหน่งกองหน้าเหมือนในปัจจุบันช่วยพัฒนาฝีเท้าของผมได้มาก” คันโนเนียร์ เล่าถึงการก้าวมาเป็นกองหน้าที่ร้องแรงที่สุดในทีมชุดเยาวชน
“ผมไม่ซีเรียสนะกับการต้องจ่ายบอลให้นักเตะคนอื่นหรือเป็นคนเซ็ตเกมให้กับพวกเขา ผมไม่เคยคิดถึงแค่ตัวเองอยู่แล้ว แต่เมื่อผมมองไปยังประตูที่ผมทำได้ผมก็รู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยอดเยี่ยม”
คันโนเนียร์ เริ่มต้นแสดงผลงานอันยอดเยี่ยมบนเวทีลูกหนังในฤดูกาล 2020-21 จากการลงสนามเพียง 8 นัด แต่ยิงได้มากถึง 4 ประตูในการแข่งขันพรีเมียร์ลีก U-18 เขาจึงถูกปรับให้มาเล่นในตำแหน่งกองหน้าเต็มตัว โดยได้รับการถ่ายทอดวิชานับไม่ถ้วนจากโค้ชในอคาเดมีหงส์แดงที่ชื่นชมเจ้าตัวอยู่แล้ว เนื่องจากทัศนคติอันยอดเยี่ยมของเขา
จานั้น คันโนเนียร์ จึงระเบิดฟอร์มอย่างยอดเยี่ยมในศึกฤดูกาล 2020-21 โดยหลังจากผ่านการลงสนามไป 19 นัด เจ้าตัวจัดการยิงไปแล้ว 21 ประตู นี่คือผลงานของเจ้าหนูวัย 17 ปีที่ครั้งหนึ่งเคยถูกจดจำในฐานะเด็กเก็บบอล แต่วันนี้เขาได้เติบใหญ่เป็นยอดดาวรุ่งอย่างเต็มตัวแล้ว
“พูดตามตรงผมไม่ชอบความรู้สึกที่ตัวเองยิงไม่ได้หลังลงสนาม ผมจะไม่พูดกับใครเลยหลังเกมจบถ้าผมยิงไม่ได้”
“ผมไม่ได้เห็นแก่ตัวนะ แต่ผมพยายามจะกดดันตัวเองให้ทำประตูอย่างต่อเนื่อง ผมแค่อยากเป็นนักเตะที่ดีที่สุดเท่าที่ผมจะเป็นได้ ผมจำเป็นต้องคิดในแง่บวกและจัดการเอาความคิดในแง่ลบออกไป”
ฝากอนาคตไว้กับสโมสรที่ตัวเองรัก
ปัจจุบัน โอคลีย์ คันโนเนียร์ ยังคงเป็นตัวหลักของทีมชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 18 ปีของลิเวอร์พูล ซึ่งนี่เปิดโอกาสให้เขาได้ลงเล่นในรายการยุโรปอย่าง ยูฟ่า ยูธ ลีก รวมไปถึงได้รับโอกาสก้าวสู่ชุด U-23 โดยลงสนามไปแล้วถึงสองนัดในการแข่งขัน อีเอฟแอล โทร์ฟี่ ฤดูกาลปัจจุบัน แถมเจ้าตัวยังเคยฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่มาแล้ว
แต่โอกาสทั้งหมดที่เจ้าตัวได้รับในช่วงซีซั่นที่ผ่านมาไม่มีอะไรจะยอดเยี่ยมไปกว่าการได้รับสัญญาอาชีพจากสโมสรที่เขารักเป็นครั้งแรก ขณะนี้ คันโนเนียร์ ถือเป็นนักเตะอาชีพภายใต้สังกัดลิเวอร์พูลเต็มตัว โดยเจ้าตัวได้จรดปากกาฝากอนาคตกับทัพหงส์แดงไว้ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
“การเซ็นสัญญาในฐานะนักเตะอาชีพเป็นเรื่องใหญ่สำหรับผม ผมทำงานอย่างหนักมาตลอดทั้งชีวิตเพื่อก้าวเป็นนักเตะอาชีพ ผมภูมิใจมากกับความสำเร็จตรงนี้” คันโนเนียร์ พูดถึงความรู้สึกที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทัพหงส์แดงอย่างเป็นทางการ
“การได้โอกาสไปซ้อมกับทีมชุดใหญ่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เพราะมีนักเตะเพียงไม่กี่คนที่ได้ขึ้นมากับผม แน่นอนว่าผมไม่เป็นตัวของตัวเองเลยล่ะ”
“แต่แข้งรุ่นพี่ให้การต้อนรับผมดีมาก และแน่นอนว่าคุณต้องไม่หลงตัวเองเมื่อกลับสู่ทีมชุดเยาวชน คุณไม่สามารถคิดว่าตัวเองเป็นขาใหญ่ของทีมหลังจากก้าวไปฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ได้”
ด้วยเหตุนี้ คันโนเนียร์ จึงถือเป็นดาวรุ่งที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของลิเวอร์พูลในขณะนี้ แม้เจ้าตัวจะมีข้อเสียอยู่บ้างในเรื่องสภาพร่างกาย ส่งผลให้ไม่สามารถลงสนามติดต่อกันอย่างหนักได้ แต่ด้วยทัศนคติอันยอดเยี่ยม พรสวรรค์ในการสร้างสรรค์โอกาส และทักษะการจบสกอร์ของเขา นี่คือดาวรุ่งที่ทัพหงส์แดงสามารถฝากโชคชะตาของสโมสรในอนาคตเอาไว้ได้
การเติบโตของคันโนเนียร์ถือเป็นเรื่องที่น่าตกใจไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากภาพจำเมื่อสามปีก่อนที่เขายังเป็นเพียงเด็กเก็บบอลคนดัง ไม่มีใครคิดว่าเขาจะก้าวขึ้นเป็นแข้งอายุไม่เกิน 18 ปีที่ร้อนแรงที่สุดในอังกฤษอย่างทุกวันนี้
แต่ความตั้งใจไม่เคยทรยศใคร โอคลีย์ คันโนเนียร์ ตั้งเป้าหมายตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเท้าเข้าสู่สโมสรแห่งนี้ว่า “สักวันเขาจะต้องเป็นตำนานของลิเวอร์พูล” และวันนี้เขาทำมันได้สำเร็จแล้วในขั้นแรก ผ่านการเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพของทีม และตอนนี้เขาพร้อมแล้วที่จะก้าวสู่เป้าหมายต่อไปนั่นคือการก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ของลิเวอร์พูลให้ได้”
“เป้าหมายระยะยาวของผมคือการก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ แน่นอนว่าการก้าวไปเป็นตัวจริงในแผงสามกองหน้า คือเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยในตอนนี้ แต่ผมหวังไว้ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าหรือเมื่อไหร่ก็ตามในอนาคต ผมจะก้าวไปอยู่ตรงนั้นให้ได้ในสักวัน” คันโนเนียร์ กล่าวทิ้งท้ายถึงเป้าหมายต่อไปของเขากับลิเวอร์พูล