UFABETWIN รู้จักครอบครัวริคเก็ตส์ : “เชลซี” ได้-เสียอย่างไรหากได้เจ้าของใหม่จากอเมริกากลุ่มนี้ ?

UFABETWIN รู้จักครอบครัวริคเก็ตส์ : “เชลซี” ได้-เสียอย่างไรหากได้เจ้าของใหม่จากอเมริกากลุ่มนี้ ?
UFABETWIN

หากคุณเป็นแฟนเชลซี ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาชื่อของครอบครัวริคเก็ตส์ กลุ่มมหาเศรษฐีจากสหรัฐอเมริกาเป็นชื่อที่ต้องคุ้นหู เพราะนี่คือตัวเต็งใหม่ที่จะเข้ามาเป็นเจ้าของทีมแทนที่ โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมคนเก่าชาวรัสเซียที่กระเด็นหลุดจากตำแหน่งไปด้วยปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศ

ถึงจะมีดีกรีเป็นเจ้าของทีมชิคาโก คับส์ ที่ปลดล็อกแชมป์ให้กับทีมได้ในรอบ 108 ปี แต่เสียงต่อต้านครอบครัวริคเก็ตส์ก็ออกมาจากแฟนเชลซีแบบไม่มีหยุด เพราะกังวลว่ากลุ่มทุนจากสหรัฐฯ จะเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากเชลซี แทนที่จะพาทีมไปสู่ความสำเร็จเหมือนยุคของโรมัน

จะพาผู้อ่านทุกคนไปรู้จักกับครอบครัวริคเก็ตส์ กับการเดินทางตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนกลายเป็นเจ้าของทีมเบสบอลชื่อดัง และหากเชลซีได้พวกเขามาเป็นเจ้าของคนใหม่ จะมีข้อดีหรือข้อเสียอย่างไรบ้าง

ความยิ่งใหญ่ของครอบครัวริคเก็ตส์

หากพูดถึงครอบครัวริคเก็ตส์ บุคคลแรกที่จำเป็นต้องกล่าวถึงคือ โจ ริคเก็ตส์ หนุ่มใหญ่วัย 80 ปีในปัจจุบัน ผู้สร้างรากฐานและความมั่งคั่งทุกอย่างให้กับตระกูล

โจ ริคเก็ตส์ เติบโตจากครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดา ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยเป็นพิเศษอะไร เพียงแต่ว่าเขาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานมาตั้งแต่เด็กที่อยากมีชีวิตที่ดีและอยากสร้างความสุขสบายให้กับครอบครัว

เขาเลือกทางลัดที่คิดว่าจะทำให้ตัวเองรวยง่ายที่สุด นั่นคือการทุ่มตัวเองไปกับการเล่นหุ้นแต่เขาก็ล้มเหลว ช่วงเวลาหนึ่งเขากลายเป็นคนติดสุราเนื่องจากความเครียดจากการเล่นหุ้น ห่างเหินจากครอบครัว และมีโอกาสไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

ชีวิตของ โจ ริคเก็ตส์ คงกลับมาไม่ได้แล้ว หากว่าครอบครัวของเขาทั้งภรรยาและลูก ๆ ไม่ยืนหยัดอยู่เคียงข้างเขา และมันก็ทำให้ผู้ชายคนนี้กลับมาลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้ง และเริ่มเจอกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของชีวิต

ในปี 1975 โจ ริคเก็ตส์ ร่วมลงขันกับเพื่อนตั้งบริษัทชื่อ บริษัทที่เป็นสื่อกลางในการเทรดหุ้น รวมไปถึงสินทรัพย์ทางการเงินต่าง ๆ โดยบริษัทของริคเก็ตส์จะทำตัวเป็นที่ปรึกษาคอยให้คำแนะนำกับลูกค้า

ถึงจะเคยเป็นผู้เล่นหุ้นที่ล้มเหลว แต่ โจ ริคเก็ตส์ กลับกลายเป็นที่ปรึกษามือทอง จนทำให้บริษัทของเขากลายเป็นมหาอำนาจในฐานะสื่อกลางของการเทรดหุ้น ภายใต้ชื่อบริษัทใหม่อย่าง
“ย้อนไปตอนที่ผมตั้งบริษัทของตัวเอง ผมทำงานหนักมาก และต้องต่อสู้กับคนเยอะมาก ๆ เพราะต้องการให้บริษัทของผมเป็นที่หนึ่งแต่เพียงผู้เดียว” โจ ริคเก็ตส์ เปิดเผยความพยายามที่จะประสบสำเร็จในชีวิต

ตลอดหลายสิบปี โจ ริคเก็ตส์ ถือเป็นอัจฉริยะในการทำธุรกิจกับตลาดหุ้น เขาเดินล้ำหน้านำคนอื่นอยู่เสมอ ความคิดของเขากล้าเสี่ยงในสิ่งที่ไม่มีใครเคยทำ และมันทำให้ธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จ จนส่งให้ครอบครัวริคเก็ตส์ก้าวขึ้นไปเป็นครอบครัวมหาเศรษฐีระดับพันล้านของสหรัฐอเมริกา

ถึงแม้จะเป็นเจ้าพ่อวงการเทคโนโลยีด้านตลาดหุ้น แต่ชีวิตของโจ ริคเก็ตส์ และครอบครัวยังคงห่างไกลจากวงการกีฬา และดูเหมือนว่าจะไม่มีทางไหนที่จะเชื่อมทั้งสองฝั่งให้มาบรรจบกันได้

 

UFABETWIN

 

จนกระทั่งในปี 2004 โจ ริคเก็ตส์ ประกาศตั้งบริษัท บริษัทขายเนื้อควายไบซันของตัวเองขึ้นมา ซึ่งเพื่อให้ธุรกิจไปได้สวยทางครอบครัวริคเก็ตส์จำเป็นต้องหาพื้นที่เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าของครอบครัว และต้องสร้างชื่อเพื่อให้คนเข้าถึงได้ง่าย

ครอบครัวริคเก็ตส์มองการจับมือกับทีมกีฬา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเบสบอล เพราะลีก ของสหรัฐอเมริกา มีการแข่งขันเบสบอลในฤดูกาลปกติถึง 162 เกมต่อฤดูกาล พร้อมกับผู้ชมหลักหมื่นคนในแทบทุกเกม

หากหันไปจับมือกับทีมเบสบอล เนื้อควายไบซันของครอบครัวริคเก็ตส์ก็จะได้โปรโมตสู่แฟนกีฬาจำนวนมาก นอกจากนี้ด้วยการแข่งขันเบสบอลอันยาวนาน เนื้อควายไบซันก็สามารถเป็นของกินเล่นเพลิน ๆ ระหว่างที่แฟนเบสบอลรอดูการตีโฮมรันของผู้เล่นทีมรักได้ด้วย

สุดท้ายธุรกิจ ของครอบครัวริคเก็ตส์จึงได้เข้าไปสนับสนุน ชิคาโก คับส์ ทีมเบสบอลยักษ์ใหญ่ประจำเมืองชิคาโก และนั่นคือจุดเริ่มต้นของครอบครัวริคเก็ตส์บนเส้นทางสายกีฬา

สู่เจ้าของทีมชิคาโก คับส์

เหตุผลที่ครอบครัวริคเก็ตส์เลือกสนับสนุนชิคาโก้ คับส์ ไม่ใช่เพราะว่าทีมตอบโจทย์เป้าหมายทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ โธมัส ริคเก็ตส์ ลูกชายคนรองของตระกูลคือแฟนเดนตายของทีมคับส์ที่ตามเชียร์ทีมเบสบอลทีมนี้มาตั้งแต่วัยเยาว์

โธมัส ริคเก็ตส์ ยิ่งกว่าเต็มใจที่จะได้เป็นผู้สนับสนุนทีมรัก แถมโอกาสทองยังมาถึงในปี 2007 เมื่อ แซม เซลล์ เจ้าของทีมชิคาโก คับส์ ประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก จนต้องประกาศขายทีมเบสบอลของเขาเพื่อหาเงินก้อนโตมาพยุงธุรกิจส่วนตัว

แม้จะไม่เคยทำธุรกิจกีฬามาก่อน แถมไม่ใช่สายงานที่ครอบครัวถนัด แต่ โธมัส ริคเก็ตส์ กลับใช้โอกาสนี้ปลุกเร้าคนในตระกูลให้ซื้อทีมชิคาโก คับส์ เพราะเชื่อว่าจะสามารถทำธุรกิจกีฬาให้ประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน

โธมัส ริคเก็ตส์ เปี่ยมไปด้วยแพชชั่นที่อยากจะทำทีมคับส์ เขาประกาศว่าหากได้เป็นเจ้าของทีมจะพาความสำเร็จกลับมาสู้ทีมอีกครั้ง หลังจากที่คับส์ไม่ได้แชมป์เวิลด์ซีรีส์ หรือแชมป์ลีกของ  มาตั้งแต่ปี 1908

ด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้าครอบครัวริคเก็ตส์จึงเทคโอเวอร์ ชิคาโก คับส์ ได้สำเร็จในปี 2009 เปิดยุคใหม่ของทีม พร้อมกับความตื่นเต้นของแฟนคับส์ที่ได้เห็นแฟนของทีมได้ชายผู้มีแพชชั่นอยากให้คับส์ประสบความสำเร็จก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าของทีมคนใหม่

อย่างไรก็ตามช่วงเวลาฮันนีมูนระหว่างเจ้าของใหม่กับแฟนเบสบอลจบลงตั้งแต่ไม่ทันได้เริ่ม เพราะทันทีที่ครอบครัวริคเก็ตส์เข้ามา พวกเขาก็ประกาศขึ้นค่าตั๋วเข้าชมเกมในสนามทันที

ค่าตั๋วแพงขึ้นก็แย่แล้ว แต่ที่แย่กว่าคือผลงานของทีมที่ไม่ได้กระเตื้องตามที่ครอบครัวริคเก็ตส์สัญญาไว้ นับตั้งแต่พวกเขาเทคโอเวอร์ทีมมาในปี 2009 ทีมไม่สามารถผ่านเข้าสู่รอบเพลย์ออฟได้เลยหลายปีติดต่อกัน

ปัญหาสำคัญของตระกูลริคเก็ตส์ในการทำทีมคับส์คือพวกเขาไม่ได้ลงมาบริหารทีมด้วยตัวเองแต่จ้างคนอื่นมาบริหารทีมให้ ซึ่งชายคนนั้นก็คือ ธีโอ เอ็ปสไตน์ ที่เข้ามารับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการของแฟรนไชส์ คอยจัดการเรื่องทุกอย่าง ทั้งหาโค้ช, หาผู้เล่น, วางแผนของทีมในระยะยาว ในขณะที่ตระกูลริคเก็ตส์แท้จริงแล้วไม่ได้ทำอะไรมากนอกจากออกเงินอย่างเดียว

สุดท้าย ชิคาโก คับส์ ก็หาจุดเปลี่ยนของทีมจนเจอ หลังจากได้ตัว โจ แมดดอน เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ และเป็นแมดดอนที่ปั้นคับส์จากทีมระดับท้ายตารางจนก้าวมาคว้าแชมป์เวิลด์ซีรีส์ได้สำเร็จในฤดูกาล 2016 พร้อมกับพาทีมลุยรอบเพลย์ออฟเกือบทุกฤดูกาล

อย่างไรก็ตามแม้ความสำเร็จจะเกิดขึ้นกับ ชิคาโก คับส์ ในยุคของตระกูลริคเก็ตส์ แต่คนที่ได้เครดิตจริง ๆ จากความสำเร็จทั้งหมดนี้กลับกลายเป็น ธีโอ เอ็ปสไตน์ เพราะเขาคือคนที่ทำงานจริง และการพลิกโฉมทีมคับส์ก็มาจากน้ำมือของผู้ชายคนนี้ จนส่งผลให้เอ็ปสไตน์ได้เลื่อนขั้นก้าวไปรับตำแหน่งผู้บริหารของลีก MLB ในปัจจุบัน จากวิสัยทัศน์อันยอดเยี่ยมของเขาสมัยที่ทำทีมชิคาโก คับส์

ครอบครัวริคเก็ตส์ กับเชลซี

หลังจากไปได้สวยกับ ชิคาโก คับส์ โอกาสในการลงทุนกับธุรกิจกีฬาของครอบครัวริคเก็ตส์ก็ได้เปิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากปัญหาทางการเมืองระหว่างประเทศยูเครนและรัสเซีย ทำให้สโมสรเชลซีที่ถือครองโดย โรมัน อบราโมวิช เจ้าของทีมชาวรัสเซีย ถูกยึดโดยรัฐบาลอังกฤษ เพื่อหาเจ้าของใหม่หลังจากการคว่ำบาตรรัสเซียของโลกตะวันตก

เป็นเรื่องปกติที่คนทำธุรกิจกีฬาชาวอเมริกันจะสนใจลงทุนกับทีมฟุตบอลในอังกฤษ เพราะเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้จำนวนมหาศาล อีกทั้งต่อให้ทำทีมผลงานไม่เข้าเป้าก็ไม่ได้กระทบชื่อเสียงของตัวเองที่สหรัฐฯ

ก่อนหน้านี้ครอบครัวริคเก็ตส์เคยมีข่าวว่าสนใจจะซื้อทีมดาร์บี้ เคาน์ตี้ ทีมในระดับลีกรองของอังกฤษมาแล้วในปี 2017 แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเชลซีคือตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบของครอบครัวริคเก็ตส์ เพราะเชลซีเป็นสโมสรฟุตบอลระดับโลกที่มีพร้อมทุกอย่าง ทั้งความสำเร็จ, นักเตะคุณภาพเยี่ยม, ฐานแฟนบอลที่เหนียวแน่น ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจ้าของทีมชิคาโก คับส์ จะออกหน้าออกตาเดินหน้ายื่นซื้อสโมสรแห่งนี้ และหวังที่จะเป็นเจ้าของทีมให้ได้

เมื่อข่าวการซื้อเชลซีของครอบครัวริคเก็ตส์สะพัดไปทั่วโลกฟุตบอล ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเช่นกันที่จะมีเสียงต่อต้านจำนวนมากจากแฟนเชลซีที่ไม่ต้องการเจ้าของทีมคนใหม่เป็นกลุ่มธุรกิจชาวอเมริกัน

เพราะการที่เชลซีประสบความสำเร็จอยู่ในทุกวันนี้เป็นผลมาจากการมีเจ้าของทีมที่รักฟุตบอลจริง ๆ ที่พร้อมทุ่มทุกอย่างให้กับทีม อย่าง โรมัน อบราโมวิช และแฟนสิงห์บูลก็อยากได้เจ้าของคนใหม่ที่เข้ามาสานต่อเจตนารมณ์ของเจ้าของทีมคนเก่าที่ตั้งใจทำทีมเชลซีด้วยใจจริง

แต่เหล่านักธุรกิจชาวอเมริกันมักขึ้นชื่อเรื่องความไม่จริงใจในการเข้ามาทำทีมฟุตบอล เพราะส่วนใหญ่จะมุ่งเป้าในการสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจแทนที่จะสร้างความสำเร็จในสนาม จนกลายเป็นปัญหาคาราคาซังไม่ว่าจะเป็นกรณีของ ตระกูลเกลเซอร์ กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ สแตน โครเอนเก้ กับอาร์เซน่อล

 

UFABETWIN

 

เราได้เห็นภาพของแฟนเชลซีรวมตัวกันที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ แสดงพลังไม่ต้องการเจ้าของชาวอเมริกันกลุ่มนี้มาเป็นเจ้าของทีมคนใหม่ ไม่ใช่แค่เรื่องของแนวทางการทำทีมฟุตบอลแบบชาวอเมริกันที่แฟนบอลเชลซีกังวลเพียงอย่างเดียว เนื่องจาก โจ ริคเก็ตส์ เคยมีประเด็นเหยียดชาวมุสลิม หลังมีการเปิดเผยว่าเขาเคยส่งอีเมลหาคนในครอบครัว และเขียนประโยคว่า “คนมุสลิมคือศัตรูของพวกเราโดยธรรมชาติ”

อย่างไรก็ตามครอบครัวริคเก็ตส์ได้ออกมาขอโทษกับข่าวนี้ พร้อมทั้งยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาพวกเขาต่อต้านการเหยียดสีผิวและเชื้อชาติ รวมถึงร่วมพัฒนาชุมชนชาวมุสลิมในเมืองชิคาโกมาโดยตลอด

นอกจากนี้กลุ่มแฟนบอลหลักอย่าง ที่มี จอห์น เทอร์รี่ ตำนานนักฟุตบอลชื่อดังของเชลซีเป็นสมาชิกที่ก่อตั้งขึ้นมาเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของเชลซี ยังต้องออกมาแถลงว่าไม่ต้องการให้ตระกูลริคเก็ตส์เข้ามาถือครองสโมสร เพราะมองว่ากลุ่มนักธุรกิจชาวอเมริกันไม่จริงใจมากพอในการเข้ามาทำทีมเชลซี

ถึงจะไม่ถูกใจแฟนบอลแต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเต็งที่จะได้เป็นเจ้าของใหม่สโมสรแห่งนี้ก็หนีไม่พ้นครอบครัวริคเก็ตส์ เพราะพวกเขามีคุณสมบัติที่ดีพร้อมทุกอย่างสำหรับการเป็นเจ้าของสโมสรฟุตบอลระดับแถวหน้าของอังกฤษ

ข้อแรกคือความเป็นคนอเมริกันซึ่งเป็นพันธมิตรที่ดีของประเทศอังกฤษ นี่คือข้อได้เปรียบสำหรับครอบครัวริคเก็ตส์ เพราะการมอบสโมสรให้นักธุรกิจชาวสหรัฐฯ จะช่วยตัดปัญหาเรื่องประเด็นความวุ่นวายระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเคสแบบของโรมัน อบราโมวิช ที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือจะเป็นประเด็นการต่อต้านกลุ่มทุนจากตะวันออกกลางที่มีปัญหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนอยู่ตลอด

การมอบสิทธิ์การเป็นเจ้าของทีมให้กับเจ้าของชาวอเมริกันถือเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลมที่ดีในการจัดการกับปัญหาเรื่องเจ้าของสโมสรที่อาจตามมาจากปัญหาระหว่างประเทศ

ประเด็นถัดมาคือเงินทุนมหาศาลที่หนุนหลังครอบครัวริคเก็ตส์อยู่ ซึ่งเป็นเครื่องรับประกันได้ว่าเชลซีจะไม่เจอปัญหาทางการเงินอย่างแน่นอน เพราะครอบครัวนี้ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจมานับไม่ถ้วนและมีแต่จะรวยขึ้น ๆ

อีกทั้งการได้เจ้าของเป็นชาวอเมริกันยังส่งผลดีต่อพรีเมียร์ลีกอีกด้วย เพราะตลอดหลายปีที่ผ่านมาประเทศสหรัฐอเมริกาคือตลาดสำคัญที่ลีกฟุตบอลจากอังกฤษพยายามจะเจาะเพื่อขยายความนิยมเข้าไปให้ได้ ซึ่งการมีเจ้าของทีมยักษ์ใหญ่เป็นชาวสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอีกทีมก็จะช่วยให้งานของพรีเมียร์ลีกง่ายขึ้นอย่างแน่นอน

แม้ว่าครอบครัวริคเก็ตส์จะมีความพร้อมรอบด้าน แต่สุดท้ายการเป็นเจ้าของทีมฟุตบอลที่ดีไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าหัวจิตหัวใจที่รักในทีมและอยากเห็นทีมคว้าแชมป์มากไปกว่าจำนวนเงินในบัญชีของสโมสรที่เพิ่มสูงขึ้น

ถึงจะประสบความสำเร็จกับการพา ชิคาโก คับส์ คว้าแชมป์เวิลด์ซีรีส์อีกครั้ง แต่เราก็เห็นได้ชัดเจนว่าผลงานที่เกิดขึ้นภายใต้การครอบครองทีมของครอบครัวริคเก็ตส์ก็ไม่ได้มาจากการบริหารทีมด้วยตัวเอง ขนาดเป็นกีฬาเบสบอลซึ่งเป็นกีฬาที่เป็นแพชชั่นของตระกูลริคเก็ตส์พวกเขายังให้คนอื่นทำงานแทน

ดังนั้นไม่ต้องหวังว่าครอบครัวนี้จะลงมาทำทีมเชลซีอย่างจริงจังด้วยตัวเอง พวกเขาน่าจะใช้ระบบเดียวกับที่ตระกูลเกลเซอร์ทำกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นคือการจ้างคนอื่นที่มีความรู้เรื่องธุรกิจฟุตบอลมาบริหารทีม

แม้จะมีคุณสมบัติเพียบพร้อม แต่ความทุ่มเทและจริงใจในการบริหารทีมฟุตบอลคือปัญหาที่ครอบครัวริคเก็ตส์ยังคงตอบไม่ได้ และแน่นอนว่าหากได้ตระกูลใหญ่จากอเมริกามาเป็นเจ้าของสโมสรใหม่ก็มีความเสี่ยงที่เราจะได้เห็นยุคทองของเชลซีในการไล่ล่าแชมป์ปิดฉากลง และเปลี่ยนไปเป็นการไล่ล่าเงินก้อนโตจากสปอนเซอร์แทน

อย่างไรก็ตามนี่คือโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน ความจริงที่ว่าฟุตบอลถูกเปลี่ยนให้เป็นธุรกิจอย่างเต็มตัวคือความจริงที่แฟนบอลต้องยอมรับ เพราะนับวันคนที่จริงใจในการทำฟุตบอลแทบจะไม่มีหลงเหลืออยู่แล้ว และไม่ช้าก็เร็วจะมีแต่นักธุรกิจที่เข้ามาทำทีมฟุตบอลด้วยการมองหาผลประโยชน์มาก่อนถ้วยแชมป์แน่นอน

UFABETWIN

Comments are closed.